10 เทคโนโลยีที่มาแล้วและกำลังจะมาอยู่กับเราในชีวิตประจำวัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่คอยมาช่วยเหลือเราในชีวิตประจำวัน และแน่นอนไม่ว่าคุณจะธุรกิจไหนก็ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง วันนี้เราเลยมานำเสนอเทคโนโลยี10ประเภทที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา
1. เทคโนโลยีในธุรกิจ
ทุกวันนี้ในธุรกิจมีการแข่งขันกันสูง ด้านเจ้าของธุรกิจก็ต้องการลดต้นทุนแต่ยังคงคุณภาพในตัวสินค้าและบริการอยู่ การดึงเอาเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจทำให้สามารถประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่ใช้จ้างพนักงานและการมีความตรงต่อเวลาสูง

2. การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร
ในอดีตเมื่อการสื่อสารถูกจำกัดเฉพาะการเขียนจดหมาย และรอให้ไปรษณีย์ส่งมอบข้อความของคุณ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้ข้อมูลการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถร่างข้อความธุรกิจและส่งอีเมล์หรือแฟกซ์ได้ภายในสองวินาทีโดยที่พวกเขาสามารถตอบกลับคุณทันทีเช่นกัน จึงทำให้สะดวกสบายและทำให้การเติบโตเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น

3. การใช้เทคโนโลยีในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
ในขณะที่โลกกำลังพัฒนาผู้คนทำงานหนักขึ้นทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีเวลา ที่จะหาความสัมพันธ์ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างมาก วันนี้ผู้คนใช้ App โทรศัพท์มือถือเพื่อพบปะและเชื่อมต่อกับเพื่อนเก่าและใหม่ เครือข่ายทางสังคมเช่น Facebook.com , Tagged.com อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์เสมือนไม่แข็งแรงเท่าความสัมพันธ์ทางกายภาพ ดังนั้นฉันจึงแนะนำให้คุณสละเวลาและพบคนที่ต้องการจะสานสัมพันธ์

4. การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
วันนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกการศึกษา ด้วยการประดิษฐ์เทคโนโลยีและ App บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งจะช่วยให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น คุณสามารถเข้าถึงห้องสมุดแบบเต็มรูปแบบผ่านApp บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ผ่าน Smartphone หรือ iPad ได้
5. การใช้เทคโนโลยีในซื้อของออนไลน์
เทคโนโลยีทำให้การซื้อและขายมีความยืดหยุ่น ด้วยระบบการชำระเงินแบบ e-Payment เช่น Paypal.com และ Net bank ต่างๆ ผู้ใช้สามารถซื้อสิ่งต่างๆทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านเพิ่มความสะดวกสบายในบ้าน

6. การใช้เทคโนโลยีในการเกษตร
ดูจะไม่เป็นเรื่องที่ไปด้วยกันได้ซักเท่าไหร่แต่เทคโนโลยีแสดงให้เห็นว่ามันสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเกี่ยวกับการเกษตร ด้วยการประดิษฐ์ Mobile App สำหรับเกษตรกรพวกเขาสามารถใช้ App เช่น "FamGraze" เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น App"FamGraze" จะช่วยให้เกษตรกรจัดการหญ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการแนะนำอาหารที่ถูกที่สุดสำหรับปศุสัตว์ของตน app นี้จะคำนวณปริมาณของหญ้าสัตว์ของคุณมีในเขตข้อมูล ช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นในขณะที่อยู่ในไร่

7. การใช้เทคโนโลยีในการธนาคาร
ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์โอนได้ง่ายมาก การสร้างบัตรวีซ่าอิเลคโทรนิคทำให้การโอนเงินทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโจรกรรมไป คุณสามารถซื้ออะไรก็ได้ด้วยบัตรวีซ่าอิเลคโทรนิค ดังนั้นในกรณีนี้คุณจะไม่ต้องพกเงินสด ธนาคารใช้ซอฟต์แวร์เครือข่ายเพื่อตรวจจับการฉ้อโกง ซอฟต์แวร์มีประสิทธิ์ภาพสูงในการจำแนกรูปแบบดังนั้นหากโปรไฟล์ของคุณมีลักษณะคล้ายกับของผู้ที่ตั้งค่าเริ่มต้นธนาคารจะดำเนินการและช่วยคุณจากการถูกปล้น

8. การ ใช้เทคโนโลยีในการควบคุมธรรมชาติ
ธรรมชาติส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจทุกวัน ตัวอย่างเช่น น้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัยของพวกเขา ทำให้ดินชั้นบนที่อุดมสมบูรณ์เสียหายและทำลายการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดไฟไหม้อาคารพืชผลและป่าไม้ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีช่วยให้มนุษย์สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถกักน้ำส่วนเกินและใช้น้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ นอกจากนี้แสงอาทิตย์ยังช่วยให้บ้านของเราอุ่นและแปลื่ยนแปลงพลังงานกลับมาใช้มีการใช้ลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีในการควบคุมธรรมชาติ
9.การใช้เทคโนโลยีในการคมนาคมขนส่ง
การคมนาคมเป็นหนึ่งในพื้นฐานของทุกอุตสากรรม เวลาคือเงินดังนั้นเราต้องมีวิธีการขนส่งที่มีประสิทธิภาพลองจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่ต้องเสียไปบนท้องถนน หรือสามารถส่งสินค้าได้ทันทีที่ลูกค้าสั่งอย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆจนถึงปีที่ผ่านมา และตอนนี้เทคโนโลยีการขนส่งที่กำลังเข้ามามีชื่อว่า Hyperloop One ที่สามารถสร้างความเร็วได้ที่ 1,200 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือเทียบง่ายๆคือจากกรุงเทพไปจังหวัดลำพูนใช้เวลา 35 นาที ซึ่งไวกว่าเครื่องบินมาก และทำให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้น

10. เทคโนโลยีใหม่ที่เราจะได้ใช้ในชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่าความต้องการของเราไม่สิ้นสุดและเทคโนโลยีใหม่ๆจะมาช่วยตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้นซึ่งบางย่างก็ดูใช้เฉพาะกลุ่มเป็นอย่างมากและแน่นอนว่าพวกมันช่วยทำให้ชีวิตเรามีคุณภาพขึ้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนี้ผู้อ่านคงอยากรู้แล้วว่ามันมีอะไรบ้าง อย่างนั้นเรามาเริ่มที่ชิ้นแรกกกันเลย
HAPIfork มันเป็นตัวปรับปรุงพฤติกรรมการกินและสุขภาพของคุณ HAPIfork นี้เป็นส้อมอัจฉริยะที่ติดตามสิ่งที่คุณกำลังนิสัยการกิน สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเทคโนโลยีส้อมอัจฉริยะนี้จะช่วยให้คุณรับประทานได้มีสุขภาพดีและยังช่วยกำหนดความเร็วในการรับประทานอาหาร ถ้าคุณต้องการตรวจสอบความเร็วที่คุณกำลังรับประทานอยู่คุณจะปรับปรุงระบบการย่อยอาหารของคุณและลดน้ำหนักของคุณด้วย

อย่างต่อมาคือกล่องรักษาความปลอดภัยทางด้านข้อมูลบริษัท ตอนนี้การเว็บไซค์จัดเก็บข้อมูลออนไลน์จำนวนมากที่ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลและมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งต้อเสียเงินเพิ่มตามจำนวนพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น แต่คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไปแต่ตอนนี้ Space Monkey ได้เข้ามาแก้ปัญหานี้แล้ว ซึ่งจะเก็บข้อมูล Cloud จากศูนย์ข้อมูลระยะไกลและนำมาไว้ในบ้านหรือที่ทำงานของคุณดังนั้นคุณจึงสามารถควบคุมสิ่งที่คุณเก็บไว้ใน Space Monkey และทั้งหมดที่กล่าวมาเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนคุณจะใช้จ่ายเพียง 35บาท สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 1,000 กิกะไบต์

อย่างสุดท้ายคือ Coolest Cooler ตู้แช่ที่ให้คุณได้มากกว่า ปัจจุบันการไปนอนเที่ยวเล่นนั่งดื่มเครื่องดื่มริมชายหายหรือปิกนิค เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นซะแล้วซึ่งถ้าจะไปแต่ละทีก็ต้องยกของไปกันมากมายเพื่อจัดปาร์ตี้ แต่ตอนนี้ปัญหาได้ถูกแก้ไขโดย Coolest Cooler ซึ่งเป็นตู้แช่มีฟังชั่นครบครันไม่ว่าจะเป็น เครื่องปั่นในตัว, ลำโพงที่ป้องกันน้ำได้แบบไร้สาย , USB Chargerโทรศัพท์มือถือ, มี LED LID Light เป็นไฟส่องสว่างที่อยู่ภายในตัว, มี Gear Tie-Down ไว้มัดและจัดเก็บอุปกรณ์การปิกนิคของคุณ, มี Essential Storage เอาไว้เก็บพวกจานมีดและสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ มีที่เปิดขวดคุณจะได้ไม่ต้องมาจำว่าที่เปิดขวดอยู่ตรงไหนเพียงแค่เดินไปที่ Coolest Cooler มันก็มีพร้อมสำหรับคุณ เป็นต้น เรียกได้ว่าครบครันสำหรับคนที่ชอบไปปิกนิคหรือชอบแค้มป์ปิ้งเลยทีเดียว

สรุปได้ว่าเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆมากมายเช่นการดูแลสุขภาพ, การสร้างงานและการจัดการข้อมูล และเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของผู้คนและตลาด ดังนั้นบทบาทของคุณคือทำให้ตัวคุณเองตามให้ทันเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่นิยมเพื่อโอกาสในด้านต่างๆ
ที่มา : http://dip-sme-academy.com/knowleagehub/article/40-10-
บทที่ 1 เทคโนโลยีในชีวิตประจําวัน
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารทําให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจําวันของเรามากขึ้นเรื่อย
ๆ จนกล่าวได้ว่ามีการนําไปใช้ในทุกวงการหรือสายงานเลยทีเดียว
ซึ่งในหัวข้อนี้จะขอยกตัวอย่างดังนี้
1. เทคโนโลยีกับภาครัฐ
จะเห็นได้ว่าภาครัฐมีความตระหนักถึงความจําเป็นในการนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้งาน
เช่น การบันทึกข้อมูลประชาชนในงานทะเบียนราษฎร์ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเกิด ตาย
การย้ายที่อยู่ หรือการทําบัตรประชาชน โดยมีโครงการสมาร์ทการ์ด (smart
card) ซึ่งอยู่ในโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
(e-government) ตั้งแต่ปี 2544
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริการในภาครัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้
มีหน่วยงานในภาครัฐอีกหลายแห่งได้รับการผลักดันในมีบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
เช่น กรมสรรพากรเปิดบริการ (e-revenue) ให้ยื่นแบบเสียภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
เป็นต้น
2. เทคโนโลยีกับธุรกิจ
แวดวงธุรกิจเป็นแวดวงที่มีการแข่งขันสูง
ยิ่งในยุคสารสนเทศที่ข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่หลายไปอย่างรวดเร็วยิ่งทําให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนําเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้งานในการดําเนินงาน เช่น
นําระบบโปรแกรมบัญชีมาใช้งานแทนการลงบัญชีในสมุด
นําโปรแกรมประมวลผลคํามาใช้แทนการเขียนหรือพิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีด
การนําโปรแกรมนําเสนอมาช่วยนําเสนองานแก่ลูกค้าหรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
มีหลายธุรกิจที่นําเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริการลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น
2.1 เทคโนโลยีกับสายการบิน
สายการบินนับว่าเป็นธุรกิจที่นําเทคโนโลยีมาใช้ในการดําเนินงานมากที่สุดอย่างหนึ่ง
นับตั้งแต่การสํารองที่นั่งโดยสาร
ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถสํารองที่นั่งได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถ
เช็คที่นั่ง ซื้อบริการเสริม หรือเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้ด้วยตนเอง
โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ํา (low cost airline) ที่พยายามลดต้นทุนการสํารองที่นั่งโดยใช้แรงงานคน
รวมถึงค่านายหน้าที่ต้องจ่ายให้กับตัวแทน (agent) ทําให้มีการผลักดันให้ผู้โดยสารจองที่นั่งผ่านเว็บด้วยตนเอง
เห็นได้จากโปรแกรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ รวมทั้งการเปิดจองที่นั่งล่วงหน้าหลาย ๆ
เดือนก็เป็นกลยุทธในการสร้างรายได้ให้กับสายการบินเช่นกัน
นอกจากนี้ยังช่วยลดเอกสารที่เป็นกระดาษทั้งในสํานักงานรวมถึงมีการออกตั๋วอิเล็กทรอนิกส์
(e-ticket) ให้ผู้โดยสารผ่านทางอีเมลอีกด้วย
2.2 เทคโนโลยีกับสถาบันการเงิน
สถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร
มีการนําเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการดําเนินงานและให้บริการลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
นับตั้งแต่การนําเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (Automatic Teller Machine :ATM) มาให้บริการแก่ลูกค้า
สําหรับในประเทศไทยธนาคารไทยพาณิชย์ธนาคารแรกที่นําเครื่องฝากและถอนเงินอัตโนมัติหรือเอทีเอ็มมาใช้ในปี
2526 และต่อมาธนาคารอื่น ๆ ก็นํามาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
ในปัจจุบันมีการพัฒนาระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (e-banking) ซึ่งทําให้ลูกค้าของธนาคารสามารถทําธุรกรรมทางการเงิน
เช่น การจ่ายค่าบริการสินค้า โอนเงิน ซื้อของ ผ่านทางเว็บไซต์ของทางธนาคาร
หรือผ่านทางโมบายแอพพลิเคชั่นได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามยังมีข้อควรระวังในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานซึ่งผู้ใช้ควรศึกษาหาความรู้และติดตามข่าวสารเพื่อป้องกันตนเองด้วย
2.3
เทคโนโลยีกับการธุรกิจนําเข้าและส่งออกสินค้า
การนําเข้าและส่งออกสินค้า หรือ
อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต (import/export) มีการปรับปรุงบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น
ๆ เช่น กรมศุลกากรมีระบบ e-tracking ซึ่งใช้ติดตามสถานะการผ่านพิธีการศุลกากรทางอินเตอร์เน็ตว่าอยู่ในสถานะใด
เช่น ข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า ใบขนสินค้าขาออก
ข้อมูลบัญชีสินค้าและข้อมูลใบกํากับการขนย้ายสินค้า เป็นต้น
เป็นการอํานวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการไม่ว่าจะอยู่แห่งใดก็สามารถสอบถามข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลาไปรษณีย์ไทยได้นําระบบติดตามและตรวจสอบสิ่งของฝากส่งทางไปรษณีย์มาให้บริการผ่านทางเว็บไซต์
http://track.thailandpost.co.th/ ซึ่งทําให้ผู้ส่งสิ่งของทางไปรษณีย์
ไม่ว่าจะเป็น จดหมายลงทะเบียน พัสดุภัณฑ์ EMS ที่กังวลใจว่าเอกสารหรือสิ่งที่ส่งไปสูญหายหรือไม่
สามารถนําเลขที่ใบเสร็จมากรอกลงในเว็บเพื่อตรวจสอบได้ว่าของที่ส่งอยู่ไหนสถานะหรือส่งมาถึงที่ใด
3. เทคโนโลยีกับการแพทย์
มีการนําเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้งานกับทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย
ทั้งการพัฒนาเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยโรคและการรักษา เช่น
เครื่องตรวจวัดคลื่นหัวใจ เครื่องตรวจวัดคลื่นสมอง เครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT
scan) ที่สามารถตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะต่าง
ๆ ในร่างกายโดยสร้างภาพ 3 มิติของอวัยวะภายใน
ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หรือการพัฒนาหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดซึ่งสามารถผ่าตัดผ่านกล้อง
ช่วยให้คนไข้มีแผลเล็กลงและฟื้นตัวได้ไวขึ้น
นอกจากนี้มีการสร้างฐานข้อมูลประวัติคนไข้ ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วยเบื้องต้น
การแพ้ยา กลุ่มเลือด ฯลฯ ทําให้การตรวจรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4. เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์
กล่าวได้ว่าเทคโนโลยีเป็นผลมาจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ทําความการจัดเก็บ
วิเคราะห์ วิจัย เพื่อค้นหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
จะเห็นว่าหลังมีการพัฒนาด้านคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยขึ้น
มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการวิจัยหาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆมากมาย เช่น
การถอดรหัสพันธุกรรมที่มีความซับซ้อนด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้หากใช้มนุษย์หรือเครื่องช่วยคํานวณธรรมดา
5. เทคโนโลยีกับการศึกษา
สถานศึกษาต่าง ๆ
ได้ให้ความสําคัญในการนําเทคโนโลยีมาช่วยในการเรียนการสอน
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ซึ่งทําให้รูปแบบการเรียนการสอนเปลี่ยนไป
ผู้เรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองได้
และยังมีภาพและเสียงจากระบบมัลติมีเดียช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในบทเรียนมากขึ้นนอกจากนั้นยังสามารถให้ผู้เรียนทําแบบฝึกหัดทบทวนบทเรียนด้วยตนเอง
มีการให้คะแนนเพื่อประเมินตนเองหรือแม้กระทั่งการสร้างบทเรียนออนไลน์
ทําให้สามารถศึกษาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากที่ไหนก็ได้
ซึ่งการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวรู้จักกันดีในชื่อ e-learning
นั่นเอง
เทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ได้มีผลทําให้การดําเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป
ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยม
หรือมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
1. Internet of Things
Internet of Things
หรือเรียกย่อ
ๆ ว่า IoT คือเทคโนโลยีที่เชื่อมอุปกรณ์และ
เครื่องมือต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยที่มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุมการใช้งานต่าง ๆ
ผ่านทางเครือข่าย เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องใช้สํานักงาน
เครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน โดยมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้ดังนี้
1.1 ประยุกต์ใช้ IoT ในบ้าน
เป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงข้าว
โทรศัพท์ แอร์ เครื่องทําน้ําอุ่น กล้องวงจรปิด เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น
ขณะขับรถกลับบ้านสามารถที่จะใช้มือถือสั่งเปิดแอร์ที่บ้านก่อนที่จะกลับถึงบ้าน
หรือตู้เย็นอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบสิ่งของภายในตู้เย็นและสามารถแจงข้อมูลได้โดยทันที
1.2 ประยุกต์ใช้ IoT กับอุปกรณ์สวมใส่
เป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลแบบสวมใส่ เช่น หูฟัง แว่นตานาฬิกา สายรัดข้อมือ กําไล
เป็นต้น ยกตัวอย่าง นาฬิกาสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับโทรศัพท์มือถือ
การสั่งงานด้วยเสียง แจ้งเตือนการโทรเข้า หรือข้อความต่าง ๆ
1.3 ประยุกต์ใช้ IoT ในการดูแลเมือง
เป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้ในการบริหารจัดการในระดับเมือง เช่น การจัดการจราจร
น้ํา ขยะ พลังงาน เป็นต้น
1.4 ประยุกต์ใช้ IoT ทางการแพทย์
เป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพ ทางการแพทย์ เช่น สายรัดข้อมือใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
และวัดความดันโลหิต การคํานวณการเดิน การวิ่งการออกกําลังกาย การรับประทานอาหาร
2. การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (cloud
computing) เป็นลักษณะการทํางานที่ผู้ให้บริการแบ่งปันทรัพยากรให้กับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ตในรูปของบริการแบบใดแบบหนึ่ง
อาทิ การให้บริการซอฟต์แวร์ หรือ Software as a Service (SaaS) เช่น Google app ซึ่งให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ตผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องของตนเอง
แต่ใช้บริการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ผ่านทางโปรแกรมเว็บเบราเซอร์หรือ
บริการระบบจัดเก็บข้อมูล หรือ data Storage as a Service (dSaaS) ซึ่งให้บริการพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล
บางครั้งเรียกว่าเว็บสําหรับฝากไฟล์ ข้อดีคือ ไม่จําเป็นต้องกลัวข้อมูลสูญหาย
สามารถกําหนดให้เป็นแบบส่วนตัวหรือสาธารณะได้
เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้
เป็นบริการฟรีไม่เสียค่าบริการ มีพื้นที่เก็บข้อมูล
โดยไม่จําเป็นต้องซื้ออุปกรณ์จัดเก็บไฟล์ข้อมูล จําพวกแฟลชไดรฟ์ เมมโมรี่การ์ดหรือ
อื่น ๆ และปลอดภัยจากไวรัส โดยจะขอยกตัวอย่างบริการที่เป็นระบบคลาวด์ ดังนี้
2.1 Google Drive เป็นการบริการของ Google มีพื้นที่ให้ใช้บริการฟรี 15 GB
โดยสามารถเพิ่มพื้นที่สําหรับเก็บข้อมูลได้แต่ต้องจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน
สามารถใช้งานได้บนเว็บไซต์ และอุปกรณ์แท็บเล็ต โดยสามารถเข้าไปแชร์ไฟล์
และโฟลเดอร์ได้อย่างอิสระ ประกอบด้วยGoogle doc ใช้สําหรับ สร้างเอกสาร แก้ไข พิมพ์
ร่วมกันหลาย ๆ คนGoogle Spread sheets ใช้สําหรับ เก็บและแบ่งปันรายการ
ติดตามโครงการ วิเคราะห์ข้อมูลและติดตามผลลัพธ์ด้วยเครื่องมือแก้ไข
สเปรดชีตที่มีประสิทธิภาพของเรา ใช้เครื่องมือเช่น สูตรขั้นสูงแผนภูมิในตัว
ตัวกรองและตารางเปลี่ยนแกนเพื่อดูข้อมูลของคุณในมุมมองใหม่ๆGoogle
Presentation ใช้สําหรับ
สร้างสไลด์ที่สวยงามด้วยเครื่องมือแก้ไขงานนําเสนอ ซึ่งสนับสนุนสิ่งต่างๆ เช่น
การฝังวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนสไลด์แบบไดนามิก
เผยแพร่งานนําเสนอของคุณทางเว็บ เพื่อให้ทุกคนสามารถดู
หรือแบ่งปันงานนําเสนอแบบส่วนตัวได้Google Form ใช้สําหรับสร้างแบบสอบถาม
หรือใช้สําหรับรวบรวมข้อมูล ผู้ใช้สามารถนําไปปรับประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบอาทิ
เช่น การทําแบบฟอร์มสํารวจความคิดเห็น การทําแบบฟอร์มสํารวจความพึงพอใจ
การทําแบบฟอร์มลงทะเบียน และการลงคะแนนเสียง
2.2 Google Photo เป็นบริการที่สามารถจัดเก็บรูปและวีดีโอ
โดยมีเงื่อนไขว่ารูปภาพทุกรูปต้องมีขนาดไม่เกิน 16 ล้านพิกเซล ถ้ารูปไหนมีความละเอียดเกินกว่านี้จะลดเหลือ
16 ล้านพิกเซล ส่วนวีดีโอก็สามารถจัดเก็บได้ในความละเอียดสูงสุดคือ Full HD
หรือ
1080p
2.3 Dropbox เป็นบริการที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลได้ฟรี
2 GB แต่มีความสามารถในการส่งข้อมูลที่รวดเร็ว
เข้าถึงและแบ่งบันอย่างง่ายดาย ได้ทุกที่ สามารถใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์
แท็บเล็ต และบนเว็บ
2.4 iCloud เป็นบริการของบริษัท แอปเปิ้ล
มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 5 GB สามารถเข้าใช้งานได้โดยอุปกรณ์ของ แอปเปิ้ล
เช่น ไอแพด ไอโฟน และคอมพิวเตอร์ แต่จะต้องมี apple ID ถึงจะใช้งานได้
2.5 Box เป็นบริการที่เน้นกลุ่มผู้ใช้
ทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กร โดยมีพื้นที่เริ่มต้นให้มากถึง 10 GBและรองรับไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่สุดไม่เกิน
250 MB
2.6 One drive เป็นบริการของบริษัท ไมโครซอฟต์
สามารถเข้าใช้งานได้บนทุกระบบปฏิบัติการโดยมีพื้นที่เริ่มต้นให้มากถึง 7GB ผู้ใช้ต้องมีที่อยู่ อีเมล ของ
ไมโครซอฟต์ ไม่ว่าจะเป็น Hotmail windowslive หรือ outlook
2.7 Flickr เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการฝากไฟล์รูปภาพ
และไฟล์วีดีโอของ yahoo.com โดยสมัครสมาชิกได้ฟรี ให้พื้นที่เก็บข้อมูลสูงถึง
1TB
ข้อดีในการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยี
•
มีบริการที่ไม่ต้องเสียค่าบริการให้เลือกใช้
• สามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ
เช่น รูปภาพ วีดีโอ เอกสารต่าง ๆ
• สามารถเข้าไปจัดการเอกสารได้ พร้อม ๆ
กัน
• ค้นหาข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
• ใช้งานได้กับทุก ๆ อุปกรณ์ เช่น
เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน
• มีแอปพลิเคชั่นรองรับการใช้งาน
• ข้อมูลปราศจากไวรัส
ข้อจํากัดของการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยี
•
หากไม่เสียค่าบริการจะมีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลจํากัด
ต้องจ่ายเงินเพิ่มหากต้องการพื้นที่เพิ่ม
• มีความเร็วในการ ดาวน์โหลด และ
อัพโหลด จํากัด
• มีการกําหนดขนาดของรูปภาพ
ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาพขนาดใหญ่ได้
• เกิดความเสี่ยงหากว่า
ไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ที่สําคัญ
3. เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ
เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D
printing technology) เป็นการนําวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก มาขึ้นรูปชิ้นงาน
หรือในลักษณะการสร้างโมเดลเสมือนจริง
เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติมีพัฒนาการยาวนานกว่า30 ปี
แต่พึ่งได้รับความนิยมเมื่อเร็ว ๆ
นี้เนื่องจากมีการพัฒนาให้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้มากขึ้น
มีผู้คนหลากหลายกลุ่มงานได้นําเอาเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D printer) มาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ กัน
ช่วยให้สามารถพิมพ์ภาพ
สามมิติให้มีรูปร่างเหมือนจริง
ส่งผลให้วงการอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ
นําเครื่องพิมพ์สามมิติมาใช้ในการสร้างต้นแบบ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์
การบินและอวกาศ การแพทย์การทหาร สถาปัตยกรรม และการก่อสร้าง เป็นต้น
4. ราสพ์เบอร์รีพาย
ราสพ์เบอร์รีพาย (Raspberry Pi)
เป็นบอร์ดคอมพิวเตอร์
(computer board) แบบเปลือย มีขนาดเท่าบัตรเครดิต ราคาถูก ไม่มีคีย์บอร์ดและจอภาพ
ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สําหรับการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
5. Stick computer
เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ที่ย่อเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ให้มีขนาดเล็กลงเท่าแฟลชไดรฟ์
เพื่อให้สะดวกสําหรับพกพา ใช้งานง่าย เพียงเสียบเข้ากับช่อง เอชดีเอ็มไอ (HDMI)
บนจอโทรทัศน์
ก็สามารถทํางานได้ไม่ต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป
ที่มา : https://sites.google.com/site/chiwitlaeathek/bth-thi-1-thekhnoloyi-ni-chi-wi-t-pra-caa-wan
ตั้งคำถาม 5 ข้อ
1. การใช้ข้อดีในการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยีมีข้อดีอย่างไร
ตอบ มีบริการที่ไม่ต้องเสียค่าบริการให้เลือกใช้
2. ราสพ์เบอร์รีพายถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สําหรับการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านใด
ตอบ ด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ตั้งคำถาม 5 ข้อ
1. การใช้ข้อดีในการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยีมีข้อดีอย่างไร
ตอบ มีบริการที่ไม่ต้องเสียค่าบริการให้เลือกใช้
2. ราสพ์เบอร์รีพายถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สําหรับการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านใด
ตอบ ด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3. การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์จัดเก็บไฟล์ข้อมูล จําพวกแฟลชไดรฟ์ เมมโมรี่การ์ดหรือ อื่น ๆ และปลอดภัยจากไวรัส หรือไม่
ตอบ ไม่จำเป็น
4. การนำเข้าและส่งออกสินค้า เรียกว่า
ตอบ อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต
5. เทคโนโลยีที่เชื่อมอุปกรณ์และ เครื่องมือต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยที่มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุมการใช้งานต่าง ๆ เรียกว่า
ตอบ Internet of Things
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น